ทำทีรถยนต์เสีย 2 ฆาตกรปืนจ่อยิงผู้ครอบครองอู่ซ่อมรถดับคาที่


เมื่อเวลา 18.30 น. วันที่ 7 เดือนกุมภาพันธ์ พันตำรวจโทไชยขั้น พฤฒิวงศ์การค้า สารวัตรสอบสวน สภ.พนมทวน จังหวัดจังหวัดกาญจนบุรี รับบอกเหตุยิงกันมีคนตายหน้าอู่ซ่อมรถ อู่ช่างโอ๋ ถนนหนทางพนมทวน – กำแพงแสน เลขที่ 112 กลุ่ม 8 ตำบลหนองสาหร่าย อำเภอพนมทวน ก็เลยรุดไปพิจารณาพร้อม พันตำรวจเอกอำนาจ ใหม่เอี่ยมใจดี ผู้กำกับการสภ.พนมทวน หมอเวรโรงหมอเจ้าคุณไพบูลย์ พนมทวน และก็สมัครใจกู้ชีพมูลนิธิขุนรัตนาวุธ เจอศพนายเกษม รักษาศักดา หรือช่างโอ๋ อายุ 41 ปี ผู้ครอบครองอู่ถูกอาวุธปืนขนาด 9 มิลลิเมตรยิงเข้าที่เข้าทางหัว 1 นัดหมายไหล่ซ้ายรวมทั้งชายโครง จุดเกิดเหตุเจอปลอกลูกกระสุนปืนขนาดเดียวกันตกอยู่ 4 ปลอก หัวกระสุน 1 หัว กองพิสูจน์หลักฐานก็เลยเก็บไว้เป็นหลักฐานเพื่อตรวจพิสูจน์
ไต่สวนเมียผู้ตาย ให้การว่าวันนี้อู่ปิดก่อนเกิดเหตุพักอยู่ด้านในอู่ ก่อนเกิดเหตุได้ยินเสียงปืนดังขึ้น 4-5 นัดหมาย มีความรู้สึกว่าเป็นการจุดดอกไม้ไฟไล่นกก็เลยมิได้ฉงนใจแล้วหลังจากนั้นมีประชากรดีขับรถจักรยานยนต์ผ่านมาพบว่ามีผู้ถูกยิงก็เลยไปบอกเถ้าแก่คาร์ห่วงใยอยู่ชิดกับอู่ ก่อนที่จะตนจะได้ยินเสียงเอะอะอยู่หน้าอู่ก็เลยเดินมาดูเจอผัวถูกยิงเสียชีวิต ผัวเป็นคนนิสัยดีไม่เคยวิวาทกับคนไหนกันแน่หรือคู่แค้นมาก่อนก็เลยไม่รู้จักปัจจัย
น้องชายคนตาย ให้ข้อมูลว่าฆาตกรเป็นชาย2 คน ใส่กางเกงขาสั้น คาดว่าน่าจะคิดแผนแล้วก็มาดูลู่ทางไว้ก่อน โดยมาทำทีรถยนต์เสียเรียกคนเสียชีวิตออกมาช่วยมองรถยนต์พอเพียงได้โอกาส 1 ในผู้ร้ายชักอาวุธปืนยิงใส่หลายนัดหมายสำหรับพี่ชายเป็นคนเฉยๆพูดน้อย ไม่เคยมีเรื่องมีราวขัดแย้งกับคนใดมาก่อน ก็เลยไม่เคยทราบต้นสายปลายเหตุที่ผู้ร้ายก่อเหตุอะไร
ดังนี้ทางตำรวจตรวจดูรูปภาพจากกล้องวงจรปิดรอบๆหน้าอู่ มองเห็นนาทีที่ผู้ร้ายก่อเหตุอย่างแจ่มแจ้ง โดยผู้ร้ายที่ก่อเหตุเป็นชายมาด้วยกัน 2 คน ใช้รถยนต์กระบะนิสสัน บิ๊กเอ็ม แค็ป สีดำ ไม่เคยรู้ทะเบียน ทำทีว่ารถยนต์ซะก่อนจะเรียกผู้เสียชีวิตออกมาช่วยมองรถยนต์ให้จังหวะที่คนเสียชีวิตกำลังจะก้มมองรอบๆห้องเครื่องซึ่งเปิดฝากระโปรงด้านหน้ารถยนต์ไว้ เมื่อได้โอกาส 1 ในฆาตกรชักอาวุธปืนที่จัดเตรียมมาจ่อยิงระยะเผาขน กระทั่งล้มนอนลงกองกับพื้นและก็ฆาตกรใช้อาวุธปืนยิงซ้ำไปอีกกระทั่งคนเสียชีวิตนิ่งแน่ไปข้างหลังก่อเหตุฆาตกรเดินปิดฝากระโปรงรถยนต์ก่อนที่จะขับขี่รถออกไปจากจุดเกิดเหตุ มุ่งหน้าไปทาง อำเภอพนมทวน ซึ่งขณะเกิดเหตุบนถนนหนทางดังที่กล่าวถึงมาแล้วก็ยังมีรถยนต์วิ่งผ่านไปมาตลอดระยะเวลา พื้นฐานคาดคะเนว่าน่าจะมีสาเหตุมาจากความไม่ถูกกันหรือความแค้นส่วนตัว